วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์
ความปลอดภัยบนระบบคอมพิวเตอร์
การรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์
การควบคุมที่มีประสิทธิผลจะทำให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัยและยังช่วยลดข้อผิดพลาด การฉ้อฉล และการทำลายระบบสารสนเทศที่มีการเชื่อมโยงเป็นระบบอินเทอร์เน็ตด้วย ระบบการควบคุมที่สำคัญมี 3 ประการ คือ การควบคุมระบบสารสนเทศ การควบคุมกระบวนการทำงาน และการควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
การควบคุมระบบสารสนเทศ (Information System Controls)
- การควบคุมอินพุท
- การควบคุมการประมวลผล
- การควบฮาร์ดแวร์ (Hardware Controls)
- การควบคุมซอฟท์แวร์ (Software Controls)
- การควบคุมเอาท์พุท (Output Controls)
- การควบคุมความจำสำรอง (Storage Controls)
การควบคุมกระบวนการทำงาน (Procedural Controls)
- การมีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน และมีคู่มือ
- การอนุมัติเพื่อพัฒนาระบบ
- แผนการป้องกันการเสียหาย
- ระบบการตรวจสอบระบบสารสนเทศ (Auditing Information Systems)
การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น (Facility Controls)
- ความปลอดภัยทางเครือข่าย (Network Security)
- การแปลงรหัส (Encryption)
- กำแพงไฟ (Fire Walls)
- การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection Controls)
- การควบคุมด้านชีวภาพ (Biometric Control)
- การควบคุมความล้มเหลวของระบบ (Computer Failure Controls)
ความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security) ข้อมูลจัดเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งขององค์กร และเป็นหัวใจหลักสำหรับการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่นเดียวกับการรักษาความปลอดภัยของตัวเครื่องและอุปกรณ์ หรืออาจให้ความสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำไป
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
การเข้ารหัส (Cryptography)
คือ การทำให้ข้อมูลที่จะส่งผ่านไปทางเครือข่ายอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านออกได้ ด้วยการเข้ารหัส(Encryption) ทำให้ข้อมูลนั้นเป็นความลับ ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์จริงเท่านั้นจะสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้ด้วยการถอดรหัส (Decryption)
การรักษาความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย
SSL ใช้ในการรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่ง SSL นั้นจะใช้ในการเข้ารหัส (encrypt) ข้อมูล ใช้ในการตรวจสอบและยืนยันฝ่ายผู้ขายว่ามีตัวตนอยู่จริง มีขั้นตอนการทำงานของ SSL ดังนี้
1. ผู้ใช้ติดต่อ ไปยัง Web Server ที่ใช้ระบบ SSL
2. จากนั้น Server จะส่งใบรับรอง (Server Certificate) กลับมาพร้อมกับเข้ารหัสด้วยกุญแจสาธารณะ (Public Key) ของ เซิร์ฟเวอร์
3. คอมพิวเตอร์ฝั่งผู้รับจะทำการตรวจสอบตัวตนของฝั่งผู้ขายจากใบรับรอง (Server Certificate) จากนั้นก็จะทำการสร้างกุญแจโดยการสุ่มและทำการเข้ารหัสกุญ ด้วยกุญแจสาธารณะของเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับมาเพื่อส่งกลับไปยัง Server
4. เมื่อ Server ได้รับข้อมูลส่งกลับก็จะถอดรหัสด้วยกุญแจส่วนตัว (Private Key) ก็จะได้กุญแจของลูกค้ามาไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
5. จากนั้นก็สามารถติดต่อสื่อสารกัน โดยการเข้ารหัสติดต่อสื่อสาร
การป้องกัน Hacker กับ Cracker....
การป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้ รหัสผ่าน (Password) และใช้ Server ที่มีความปลอดภัยสูง (Secured Server) ไฟร์วอลล์ (Firewall) และเราท์เตอร์ (Router) แต่ไม่ว่าจะป้องกันด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าวิธีนั้น ๆ จะสามารถป้องกันได้100% ตราบใดที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นยังมีการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
Password....
เป็นการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในการ Loginเข้าสู่ระบบ โดยการตั้งรหัสผ่าน (Password) นั้นควรมีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร และไม่ควรง่ายต่อการเดา และควร Update รหัสผ่านอยู่บ่อย ๆ ครั้ง
Norton Antivirus....
Norton เป็น Software ที่ได้รับความนิยมมากสามารถป้องกัน Virus ได้เกือบ 90% อีกทั้งยังใช้งานง่ายและมี Update Center ในการปรับปรุง Softwareให้สามารถดักจับ Virus ตัวใหม่ ๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
นอกจากนี้ Norton Antivirus ยังสามารถสร้างตารางเวลาในการสแกนไวรัสอัตโนมัติ การทำแผ่นดิสก์ฉุกเฉินกรณีที่ไม่สามารถเข้าสู่โปรแกรมวินโดวส์ได้
Avira Anti-Virus....
เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการดักจับVirus ใช้งานง่ายและ Vision สำหรับใช้งานฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
McAfee Anti-Virus....
เป็นอีกหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความนิยมรองจากNorton Antivirus มีความแม่นยำในการตรวจจับVirus สแกน E-mail ที่ได้รับ มี Update Center เพื่อปรับปรุงความสามารถของโปรแกรมให้ใหม่อยู่เสมอและมีรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน
ที่มา http://www.no-poor.com/inttotocomandcomapp/chapter7-comapp.htm
วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำถาม บทที่6
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สื่อเก็บข้อมูลแบบจานแม่เหล็ก(Magnetic Disk device )
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Input device
วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
"Sage Accpac ERP"
โปรแกรม Sage Accpac ERP เป็น Software ที่รวบรวมการจัดการทุกส่วนงานภายในองค์กรของคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านระบบบัญชี ( Accounting ),
ระบบจัดซื้อ ( Purchase ),ระบบการขาย ( Sale Order ),หรือจะเป็นระบบการจัดการด้านคลังสินค้า( Inventory Control ), ระบบงานต้นทุนโครงการ ( Project and Job Costing )รวมถึงระบบงานโครงการและการจัดการด้านสินทรัพย์ ( Asset Management ) ต่างๆ Sage Accpac ERP อีกทั้ง Sage Accpac ERP ยังมีรายงานรูปแบบมาตรฐาน (Financial Report) ที่ผู้บริหารต้องการ จะช่วยบริหารในการวิเคราะห์สถานะภาพทางการเงินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและ ลดขั้นตอนในการทำงาน
- โปรแกรม Accpac จะนำข้อมูลจากระบบบัญชีี มาช่วยให้ผู้บริสามารถนำข้อมูลที่ได้จากระบบมาวิเคราะห์แผนการดำเนินงาน
- ทำการจัดการและการวิเคราะห์ภาวะธุรกิจได้
- รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละแผนกเพื่อง่ายต่อการดึงข้อมูลไปใช้งาน
- ช่วยในการติดตามและแบ่งปันข้อมูลภายในองกรณ์
- มีระบบตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลในส่วนต่ำ
Sage Accpac ERP – ยืดหยุ่น ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
Accpac ERP เป็น software เป็นโปรแกรมที่เข้าใจการทำงานของทุกธุรกิจว่ามีความแตกต่างในความต้องการในการใช้งาน ดั้งนั้น Accpac ERP จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของทุกธุรกิจ เราเป็นซอฟท์แวร์สำเร็จรูปที่คุณสามารถเลือกใช้งานเฉพาะส่วนเท่าที่คุณจำเป็นต้องใช้เท่านั้น โดยคุณที่ไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งระบบโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้งานในส่วนนั้นและในปัจจุบันผู้บริหารส่วนใหญ่เสียเวลาไปมากกับการนั่งอ่านรายงาย (Report )ต่างๆ เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์แผนการดำเนินธุรกิจ แต่ปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับลูกค้าของเรา โดยโปรแกรม ของ Accpac ERP จะมี Accpac Dashboard ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีทั่วไป ( GL),ระบบบัญชีลูกหนี้ (AR), ระบบบัญชีเจ้าหนี้ (AP) , ระบบสินค้าคงคลัง (IC) ,ระบบการขาย ( OE ), ระบบจัดซื้อ (PO) ที่จะช่วยให้ผู้บริหารทราบสถานะของบริษัทที่แท้จริงในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบของแผนภูมิ กราฟ หรือรูปแบบต่างๆ ที่คุณต้องการ โดยคุณสามารถออกแบบได้เองซึ่งจะทำให้การอ่านรายงาน (Financial Report )ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป อีกทั้งยังเสามารถทำการเปรียบเทียบ ( compare)ข้อมูลในช่วงเวลาที่ต่างกันได้อีกด้วย
ประโยชน์ของ Sage Accpac ERP
- ช่วยให้ผู้บริสามารถนำข้อมูลที่ได้จากระบบมาวิเคราะห์แผนการดำเนินงาน (Analisis)
- ทำการจัดการและการวิเคราะห์ภาวะธุรกิจได้
- รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละแผนกเพื่อง่ายต่อการดึงข้อมูลไปใช้งาน
- ช่วยในการติดตามและแบ่งปันข้อมูลภายในองค์กร
- มีระบบตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลในส่วนต่างๆ( Drill Down )
คุณสมบัติระบบบัญชีแยกประเภท
- กำหนดโครงสร้างรหัสบัญชีได้หลายรูปแบบ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างการบริหารงานในบริษัท เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ และจัดทำรายงาน รวมทั้งงบการเงินตามส่วนงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนก, สาขา, Cost Centers ฯลฯ
- สามารถสร้างรหัสบัญชีแยกเป็นแผนก (Departments), ส่วน (Divisions) และอื่นๆ ได้สูงสุดถึง 10 ส่วน (Segments) เพื่อดูผลการดำเนินงานได้แยกตามส่วนที่ต้องการ (เฉพาะ ERP 500, ERP 200 สร้างได้ 4, ERP 100 ได้ 3 Segments)
- สามารถสร้างโครงสร้างของรหัสบัญชีได้หลากหลายรูปแบบต่าง ๆ กันตามต้องการไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกโครงสร้าง
- สามารถสร้างรหัสบัญชีที่ต้องการใช้ในปัจจุบัน และเพิ่มเติมได้ในอนาคต และมี Template ที่สามารถสร้างรหัสบัญชีได้รวดเร็วกรณีที่มี Profit / Cost Center เป็นจำนวนมากทำให้ประหยัดเวลาในการสร้างรหัสบัญชี ้
- ฟรี Option Accont Code Change เพื่อประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงผังบัญชีของบริษัทในอนาคต
- สามารถ Rollup Account เพื่อดูยอดรวมของบัญชีคุมได้ เช่นบัญชีคุมลูกหนี้ บัญชีคุมเจ้าหนี้ ฯลฯ
- สามารถกำหนด Account Groups ได้เองไม่จำกัด เพื่อผูกกับรหัสบัญชีโดยไม่จำเป็นต้องใช้ตามที่ระบบมีให้ (เฉพาะชุด ERP 500, ERP 200)
- สามารถ สร้างงบประมาณการได้ (Budget) โดยแสดงข้อมูลทางบัญชีที่เกิดขึ้นจริง, งบประมาณ และผลแตกต่างรวมทั้งวิเคราะห์ผลแตกต่างเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์
- สร้าง Budget ได้มากสุดถึง 5 ชุดเพื่อนำไว้วิเคราะห์เปรียบเทียบกับงบการเงินซี่งเกิดขึ้นจริง (Actual) (เฉพาะชุดERP 500, ERP 200 สร้างได้ 3 ชุด, ERP 100 สร้างได้ 2 ชุด)
- เชื่อม โยงกับระบบ Microsoft Office ออกแบบรายงานงบการเงินได้ไม่จำกัดรูปแบบ โดยใช้ Microsoft Excelอีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลทางบัญชีมาสร้างรายงานวิเคราะห์ในรูปแบบกราฟ, แผนภูมิ และในรูปแบบ MicrosoftPower Point ได้
- เก็บข้อมูลย้อนหลังได้สูงสุดถึง 99 ปี และสามารถพิมพ์งบย้อนหลังได้เท่าที่เก็บข้อมูล (เฉพาะชุด ERP 500, ERP200 เก็บได้ 7 ปี, ERP 100 เก็บได้ 7 ปี)
- สามารถใช้ได้หลายสกุลเงิน, ข้อมูลจะเก็บให้ทั้งสกุลเงินบาท และสกุลเงินอื่นๆ รวมทั้งกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนได้หลายประเภท
- Import-Export ข้อมูลเข้า-ออกระบบ Sage Accpac ได้ สะดวกต่อการใช้งาน และรายงานทุกตัวสามารถ Exportเป็นไฟล์ต่างๆ ได้ เช่น Excel, Pdf ฯลฯ
- สามารถเก็บปริมาณ (Quantity) ควบคู่กับจำนวนเงิน (ในกรณีมีระบบ GL ตัวเดียวหรือกรณีที่ไม่มีการใช้ในส่วนของ Inventory)
- สามารถสร้างรายการที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ (Recurring Entry) เพื่อลดเวลาการบันทึกรายการ
- สามารถ Drill Down (ย้อนหลังเพื่อดูที่มาของข้อมูล) จากระบบบัญชีแยกประเภทไปยังระบบอื่นๆ ได้ เช่น
ระบบลูกหนี้, เจ้าหนี้ ฯลฯ - สามารถ Drill Down (ย้อนหลังเพื่อดูที่มาของตัวเลข) จาก Financial Report (งบการเงิน) ลงลึกไปยัง Transactions ที่มาจากการบันทึกรายการต้นทางจากระบบอื่น ๆ ได้ เช่น ระบบลูกหนี้, เจ้าหนี้ ฯลฯ
- สามารถผ่านรายการแบบทดลอง (Provisional Post) เพื่อดูข้อผิดพลาด ก่อนการผ่านรายการจริง (Post) เพื่อได้งบการเงินที่ถูกต้องที่สุด
- การเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ (Integrating with Other Applications) ระบบบัญชีแยกประเภทจะรับข้อมูล จากทุกระบบโดยสร้างเป็น Batch และแยก Souce Code จาก Module อื่นๆ ทำให้ตรวจสอบได้ง่าย
- สามารถแก้ไขรายงาน และแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่มาตรฐานโปรแกรมให้มาได้ตามต้องการด้วย โปรแกรม Crystal Report
- มีรายงาน Journal Voucher ที่สามารถ Print ออกจากระบบได้