วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์

ความปลอดภัยบนระบบคอมพิวเตอร์

การรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์
การควบคุมที่มีประสิทธิผลจะทำให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัยและยังช่วยลดข้อผิดพลาด การฉ้อฉล และการทำลายระบบสารสนเทศที่มีการเชื่อมโยงเป็นระบบอินเทอร์เน็ตด้วย ระบบการควบคุมที่สำคัญมี 3 ประการ คือ การควบคุมระบบสารสนเทศ การควบคุมกระบวนการทำงาน และการควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

การควบคุมระบบสารสนเทศ (Information System Controls)

  • การควบคุมอินพุท
  • การควบคุมการประมวลผล
  • การควบฮาร์ดแวร์ (Hardware Controls)
  • การควบคุมซอฟท์แวร์ (Software Controls)
  • การควบคุมเอาท์พุท (Output Controls)
  • การควบคุมความจำสำรอง (Storage Controls)

การควบคุมกระบวนการทำงา (Procedural Controls)

  • การมีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน และมีคู่มือ
  • การอนุมัติเพื่อพัฒนาระบบ
  • แผนการป้องกันการเสียหาย
  • ระบบการตรวจสอบระบบสารสนเทศ (Auditing Information Systems)

การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น (Facility Controls)

  • ความปลอดภัยทางเครือข่าย (Network Security)
  • การแปลงรหัส (Encryption)
  • กำแพงไฟ (Fire Walls)
  • การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection Controls)
  • การควบคุมด้านชีวภาพ (Biometric Control)
  • การควบคุมความล้มเหลวของระบบ (Computer Failure Controls)

ความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security) ข้อมูลจัดเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งขององค์กร และเป็นหัวใจหลักสำหรับการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่นเดียวกับการรักษาความปลอดภัยของตัวเครื่องและอุปกรณ์ หรืออาจให้ความสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำไป

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

การเข้ารหัส (Cryptography)

คือ การทำให้ข้อมูลที่จะส่งผ่านไปทางเครือข่ายอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านออกได้ ด้วยการเข้ารหัส(Encryption) ทำให้ข้อมูลนั้นเป็นความลับ ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์จริงเท่านั้นจะสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้ด้วยการถอดรหัส (Decryption)


การรักษาความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย

SSL (Secure Sockets Layer)

SSL ใช้ในการรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่ง SSL นั้นจะใช้ในการเข้ารหัส (encrypt) ข้อมูล ใช้ในการตรวจสอบและยืนยันฝ่ายผู้ขายว่ามีตัวตนอยู่จริง มีขั้นตอนการทำงานของ SSL ดังนี้

1. ผู้ใช้ติดต่อ ไปยัง Web Server ที่ใช้ระบบ SSL

2. จากนั้น Server จะส่งใบรับรอง (Server Certificate) กลับมาพร้อมกับเข้ารหัสด้วยกุญแจสาธารณะ (Public Key) ของ เซิร์ฟเวอร์

3. คอมพิวเตอร์ฝั่งผู้รับจะทำการตรวจสอบตัวตนของฝั่งผู้ขายจากใบรับรอง (Server Certificate) จากนั้นก็จะทำการสร้างกุญแจโดยการสุ่มและทำการเข้ารหัสกุญ ด้วยกุญแจสาธารณะของเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับมาเพื่อส่งกลับไปยัง Server

4. เมื่อ Server ได้รับข้อมูลส่งกลับก็จะถอดรหัสด้วยกุญแจส่วนตัว (Private Key) ก็จะได้กุญแจของลูกค้ามาไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร

5. จากนั้นก็สามารถติดต่อสื่อสารกัน โดยการเข้ารหัสติดต่อสื่อสาร

ารป้องกัน Hacker กับ Cracker....

การป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้ รหัสผ่าน (Password) และใช้ Server ที่มีความปลอดภัยสูง (Secured Server) ไฟร์วอลล์ (Firewall) และเราท์เตอร์ (Router) แต่ไม่ว่าจะป้องกันด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าวิธีนั้น ๆ จะสามารถป้องกันได้100% ตราบใดที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นยังมีการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย


Password....

เป็นการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในการ Loginเข้าสู่ระบบ โดยการตั้งรหัสผ่าน (Password) นั้นควรมีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร และไม่ควรง่ายต่อการเดา และควร Update รหัสผ่านอยู่บ่อย ๆ ครั้ง


Norton Antivirus....

Norton เป็น Software ที่ได้รับความนิยมมากสามารถป้องกัน Virus ได้เกือบ 90% อีกทั้งยังใช้งานง่ายและมี Update Center ในการปรับปรุง Softwareให้สามารถดักจับ Virus ตัวใหม่ ๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

นอกจากนี้ Norton Antivirus ยังสามารถสร้างตารางเวลาในการสแกนไวรัสอัตโนมัติ การทำแผ่นดิสก์ฉุกเฉินกรณีที่ไม่สามารถเข้าสู่โปรแกรมวินโดวส์ได้



Avira Anti-Virus....

เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการดักจับVirus ใช้งานง่ายและ Vision สำหรับใช้งานฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย



McAfee Anti-Virus....

เป็นอีกหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความนิยมรองจากNorton Antivirus มีความแม่นยำในการตรวจจับVirus สแกน E-mail ที่ได้รับ มี Update Center เพื่อปรับปรุงความสามารถของโปรแกรมให้ใหม่อยู่เสมอและมีรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน



ที่มา http://www.no-poor.com/inttotocomandcomapp/chapter7-comapp.htm